อกุศลกรรมบถ 10 อกุศลกรรมบถ หมายถึง ทางแห่งอกุศล ,ทางทำความชั่ว กรรมชั่วอันเป็นทางนำไปสู่ความเสื่อม ความทุกข์ หรือทุกคติเป็นสภาพที่ทำให้จิตเสียคุณภาพและเสื่อมสมรรถภาพ ดังนั้น ส่วนที่เป็นอกุศลกรรมบถ เป็นสิ่งที่ควรละเสีย ประกอบด้วย
ก. กายกรรม 3 หมายถึง การกระทำชั่วทางกาย ได้แก่
1. ปาณาติบาต หมายถึง การฆ่าสัตว์ตัดชีวิต การทำร้ายหรือเบียดเบียนบุคคลอื่น
2. อทินนาทาน หมายถึง การขโมย การลักทรัพย์ การถือเอาของที่เขามิได้ให้ ไม่ได้อนุญาต
3. กาเมสุมิจฉาจาร หมายถึง ความประพฤติผิดในกาม การล่วงละเมิดทางเพศต่อบุคคลอื่น
ข. วิจีกรรม 4 หมายถึง การกระทำชั่วทางวาจา ได้แก่
4. มุสาวาท หมายถึง การพูดเท็จ การพูดโกหก
5 ปิสุณาวาจา หมายถึง การพูดส่อเสียด เหยียดหยามดูแคลนคนอื่น
6. ผรุสวาจา หมายถึง การพูดคำหยาบ
7. สัมผัปปลาปะ หมายถึง การพูดเพ้อเจ้อ พูดโอ้อวด พูดไม่มีสาระ
ค. มโนกรรม 3 หมายถึง การกระทำชั่วทางใจ ได้แก่
8. อภิชฌา หมายถึง คิดอยากได้ของผู้อื่น
9. พยาบาท หมายถึง การคิดร้ายผู้อื่น การแค้นใจต่อผู้อื่น
10. มิจฉาทิฏฐิ หมายถึง ความเห็นผิดจากทำนองคลองธรรม ความเห็นผิดเป็นชอบ ดังสำนวนที่ว่า เห็นกงจักรเป็นดอกบัว
อบายมุข 6
อบายมุข หมายถึง ช่องทางแห่งความเสื่อม ,ทางแห่งความพินาศ,หรือเหตุให้เกิดความย่อยยับแห่งโภคทรัพย์ เป็นสิ่งที่ควรละเว้น ประกอบด้วย
1. ติดสุราและของมึนเมา มีโทษ 6 ประการคือ
1.1 เสียทรัพย์ คือทรัพย์หมดไป ๆ เห็นชัด
1.2 ก่อการทะเลาะวิวาท
1.3 ทำลายสุขภาพ
1.4 เสื่อมเสียเกียรติยศชื่อเสียง
1.5 ไม่รู้จักอาย
1.6 บั่นทอนกำลังปัญญา
2. ชอบเที่ยวกลางคืน มีโทษ 6 ประการคือ
2.1 เป็นการไม่รักษาตัว
2.2 เป็นการไม่รักษาลูกเมีย
2.3 เป็นการไม่รักษาทรัพย์สมบัติ
2.4 เป็นที่ระแวงสงสัย เป็นผู้ต้องสงสัย
2.5 เป็นเป้าให้เขาใส่ความหรือเป็นที่เล่าลือของบุคคลอื่น
2.6 นำเรื่องเดือดร้อนมาให้ตนเองและครอบครัว
3. ชอบดูการละเล่น มีโทษคือทำให้การงานเสื่อมเสีย เพราะใจกังวลคอยคิดแต่การละเล่น และเสียเวลาเมื่อไปดูสิ่งนั้น ๆ 6 ประการคือ
3.1 เต้นรำที่ไหนไปที่นั่น
3.2 ขับร้องที่ไหนไปที่นั่น
3.3 ดีดสีตีเป่า(ดนตรี) ที่ไหนไปที่นั่น
3.4 เสภาที่ไหนไปที่นั่น
3.5 เพลงที่ไหนไปที่นั่น
3.6 เถิดเทิงที่ไหน ไปที่นั่น
4. ติดการพนัน เป็นนักพนัน เป็นคนที่ชอบเล่นการพนัน มีโทษ 6 ประการคือ
4.1 เมื่อชนะย่อมก่อเวร
4.2 เมื่อแพ้ก็เสียดายทรัพย์สินที่เสียไป
4.3 เสียทรัพย์ ทรัพย์หมดไป ๆ เห็นได้ชัด
4.4 เข้าที่ประชุม เขาไม่เชื่อถ้อยคำ
4.5 เป็นที่หมิ่นประมาทของเพื่อนฝูง
4.6 ไม่เป็นที่พึงประสงค์ของผู้ที่จะหาคู่ครองให้ลูกของเขา เพราะเห็นว่าจะเลี้ยงลูกเมียไม่ไหว
5. คบคนชั่ว ทำให้เกิดโทษ โดยนำให้กลายไปเป็นคนชั่วอย่างคนที่ตนคบทั้ง 6 ประเภท คือ
5.1 นักการพนัน
5.2 นักเลงผู้หญิง
5.3 นักเลงเหล้าและสิ่งเสพติดต่าง ๆ
5.4 นักลวงของปลอม
5.5 นักหลอกลวง
5.6 นักเลงหัวไม้
6. เกียจคร้านทำการงาน มีโทษ โดยทำให้ยกเหตุต่าง ๆ เป็นข้ออ้าง ผลัดวันประกันพรุ่ง ไม่ทำการงานโภคทรัพย์ใหม่ก็ไม่เกิดโภคทรัพย์เก่าที่มีอยู่ก็หมดไป คืออ้างไปทั้ง 6 กรณีว่า
6.1 มักอ้างว่า หนาวนัก แล้วไม่ทำงาน
6.2 มักอ้างว่า ร้อนนัก แล้วไม่ทำงาน
6.3 มักอ้างว่า เย็นแล้ว แล้วไม่ทำงาน
6.4 มักอ้างว่า ยังเช้าอยู่ แล้วไม่ทำงาน
6.5 มักอ้างว่า หิว กระหายน้ำ แล้วไม่ทำงาน
6.6 มักอ้างว่า อิ่มนัก แล้วไม่ทำงาน
บุคคลในสังคมใดมัวเมามั่วสุมอยู่ในอบายมุขดังกล่าวข้างต้นสังคมนั้นจะพบแต่ความเสื่อมความพินาศหายนะโดยไม่ต้องสงสัยหากคนในสังคมต้องการให้ตนเอง ครอบครัวและสังคมมีความเจริญรุ่งเรือง มีความสุข ก็จำต้องละเว้นอบายมุข ทั้ง 6 เหล่านั้นเสีย
ตั้งหน้าทำมาหากินโดยสุจริต ด้วยความขยันหมั่นเพียรให้การช่วยเหลือเกื้อกูลกัน สังคมก็จะมีแต่ความสุข ความเจริญอย่างแน่นอน
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น